Thursday, October 10, 2013

หนังสือนิยายที่กำลังอ่านตอนนี้คือ รุกสยามฯ

ซื้อนิยายแปลจากภาษาฝรั่งเศสเล่มนี้มาหลายเดือนแล้ว และก็อันที่จริงแล้ว เขาพิมพ์กันมาถึงเวลานี้ก็เป็นครั้งที่ ๕ แล้ว สรุปว่าตัวเองอ่านช้าไปกว่าชาวบ้านส่วนมากเขาไป ๗ ปี เพิ่งมาอ่าน (ใครจะส่ายหัวก็ช่างปะไร) กะเอาเองว่า คนไทยคงอ่านล่วงหน้าผมไปหลายหมื่นคนแล้ว

เปล่า ตอนนี้ก็ยังอ่านไม่จบหรอก เพราะหนังสือเล่มโตขนาดอย่างกะเท็กซบุ้ค และก็เพราะว่าวิธีอ่านหนังสือผมคือ อ่านเล่มโน้นนิด เล่มนี้หน่อย สลับไปเรื่อยๆ หลายๆ เล่มไปพร้อมๆ กัน เล่มนี้ก็เลยอ่านไปยังไม่มาก เอาไว้สลับเวลาเบื่อจากอ่านหนังสือปรัชญา อะไรแบบบนั้น แต่พออ่านไปๆ ก็เริ่มจะรู้สึกว่า "เอ๊ะ ท่าจะดีแฮะ" ก็คงจะอ่านไปเรื่อยๆ ต่อมาวันนี้ก็ใจร้อน ก็เลยไปค้นเว็บ จึงไปเจอบล๊อกที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้และผู้เขียนและผู้แปล ที่มติชน

หนังสือนิยายอิงประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทยและฝรั่งเศสเล่มนี้ ชื่อภาษาไทยคือ "รุกสยาม ในนามของพระเจ้า" แปลจากภาษาฝรั่งเศส โดย ดร. กรรณิกา จรรย์แสง จากเรื่อง POUR LA PLUS GRANDE GLOIRE DE DIEU ของ Morgan Sportès พิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน

หนังสือแปลจากภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษนั้น ในตลาดเมืองไทย ผมสังเกตดูว่ามีไม่แยะ โดยเฉพาะวรรณกรรม นวนิยาย แต่ถ้าเมื่อไรมี ก็แทบจะเรียกได้ว่า ต้องเป็นเรื่องดีมาก ไม่งั้นคงไม่มีคนอุตส่าห์แปลมาให้อ่าน นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมเห็นหนังสือเล่มนี้แล้วก็อดซื้อไม่ได้

เล่มนี้ซื้อมาแล้วก็บอกได้ว่าไม่ผิดหวัง แม้ว่าปกติผมจะไม่อ่านหนังสือนวนิยาย เล่มนี้เป็นกรณียกเว้นอีกเรื่องหนึ่ง อ่านแล้ว นอกจากได้อรรถรสภาษาแล้ว ยังได้บรรยากาศในประวัติศาสตร์ดีด้วย และก็ได้เห็นชีวิตคนจริงๆ ในสมัยนั้นสะท้อนออกมา ตลอดจนมุมมองของคนในยุคนั้น และกลเม็ดทางการเมืองด้วย นอกจากนี้ สไตล์การเขียนของนักเขียนฝรั่งเศสผู้นี้ แกบอกว่าเขียนในทำนองบทละครด้วย การดำเนินเรื่องก็แปลกไปอีก

แต่ทว่าสไตล์การเขียนของนักเขียนฝรั่งเศสในเรื่องนี้ คล้ายเป็นทำนองบทละคร ผมออกจะคิดว่าเนื้อเรื่องแกดราม่าจัดไปหน่อย และก็ยังมีอะไรที่มีความเห็นไม่ถูกอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องขนบธรรมเนียมไทย เลยทำให้ผมจับได้ว่า เรื่องราวทั้งหลายนั้น แกยกเมฆมาเสียเป็นส่วนใหญ่

เรื่องที่แกมั่วขึ้นเองในนิยาย ที่นึกได้ตอนนี้ก็คือเรื่อง การที่บาดหลวง (บาทหลวง) เยซูอิตฝรั่งเศสไปขอบวชเป็นพระห่มเหลืองกับพระสังฆราชไทย (เพื่อว่าจะหาทางทำความเข้าใจคำสอนทางพุทธ) ผมเชื่อว่า พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงทศพิธราชธรรมและปรีชาญาณคงไม่ตรัสสั่งให้พระสังฆราชบวชบาดหลวง (แต่ถ้าสั่ง ก็ยอมรับว่าเป็นไปได้ว่า พระสังฆราชก็อนุมัติตามพระราชา แต่บาดหลวงฝรั่งก็ไม่น่าจะได้บวชง่ายๆ อยู่ดีนั่นแหละ น่าจะต้องไปหัดท่องบ่นสวดมนต์อะไร หัดขานนาคเสียก่อน น่าจะโดนเตะถ่วงไปเป็นปี หรืออย่างน้อย พระพุทธเจ้าท่านก็มีกฎเกณฑ์ว่า เดียรถีย์ต้องมาปฏิบัติธรรมก่อนกี่ปีจึงบวชได้ พวกบาดหลวงฝรั่งนี่ก็คือเดียรถีย์นั่นแหละ ไม่ใช่แค่อยู่ๆ ฝรั่งโกนหัวแล้วเอาผ้ามาคลุมกายก็กลายเป็นภิกษุ แถมศีลก็ไม่รักษาเสียอีก) อีกตอนหนึ่งที่จำได้ ก็ตอนก่อนจะเกิดจราจลในลพบุรี พระสังฆราชออกเทศนาปลุกระดมมวลชน ผมดูแล้วมันขัดความรู้สึกมาก (แต่ก็อีกแหละ ถ้าดูเหตุการณ์สมัยใหม่ในพม่าเมื่อหลายปีก่อน พระพม่าที่เหลืออด ท่านก็ออกมาประท้วงรัฐบาลกันก็มี จนถูกทหารฆ่าตายไปก็มาก ก็มีความเป็นไปได้ แต่ผมก็คิดว่าในสมัยโบราณเมื่อ ๓๐๐ ปีก่อนนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้)

ไปๆ มาๆ กลายเป็น วิจารณ์หนังสือไปหน่อยแล้ว
(My remarks on the translated novel (from French) regarding historical events in Ayutthaya period during the reign of King Narai)


No comments:

Post a Comment